คำนวณสินเชื่อบ้าน คำนวณดอกเบี้ยบ้าน คอนโด
แบบกำหนดค่าเอง
หากต้องการชำระ 360 งวด ต้องชำระงวดละ 5,066.85 บาท
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate)
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับเปลี่ยนตามค่าเงิน เพื่อลดความเสี่ยงของสถาบันการเงินในอนาคต โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอีง (MLR/MOR/MRR) ซึ่งปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาอาจขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ หรือนโยบายรัฐบาล อัตราดอกเบี้ยลอยตัวนี้จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงโดยตรง หรือใช้ดอกเบี้ยอ้างอิงช่วยในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในแต่ละงวด เช่น ปีแรก งวดที่ 1-12 คงที่ = 03.750 %, ปีที่ 2 งวดที่ 13-24 = 04.700 %, หลังจากนั้น = MLR-1.000 เป็นต้น ดอกเบี้ยแบบลอยตัวมักใช้กับสินเชื่อที่มีระยะเวลายาวนาน เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อคอนโด สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เงินกู้ระยะยาว เป็นต้น
เป็นการคิดดอกเบี้ย แบบลดต้นลดดอก กล่าวคือ ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดเงินต้นคงเหลือ จากงวดก่อน ส่วนมากใช้สำหรับการคำนวณดอกเบี้ย ของสินเชื่อเกือบทุกประเภท เช่น สินเชื่อที่กู้มาจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นต้น โดยคิดดอกเบี้ยจาก เงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด แม้ช่วงแรกจ่ายดอกเบี้ยสูง แต่เดือนต่อ ๆ มา ดอกเบี้ยจะลดลงตามเงินต้น ปรกติจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ตัวอย่างเช่น เงินกู้ 100,000 บาท ค่างวดอยู่ที่ 5,000 บาท/เดือน ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) 10% ตลอดสัญญา ((10/365 วัน) X เงินต้น 100,000) / 100 = 27.40 บาท ดอกเบี้ยวันนั้น ๆ รวมกับเงินต้น จะเป็นยอดเงินต้นวันถัดไป 100,027.40 และจะคำนวณอย่างงี้เรื่อยๆ ทุกวัน จนถึงกำหนดจ่ายค่างวดแต่ละงวด
ทั้งนี้การจะใช้หรือ คิดดอกเบี้ยโดยวิธีใดนั้น ผู้ให้กู้จะเป็นผู้กำหนด ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ, ข้อกำหนดในการคิดดอกเบี้ย สอบถามสถาบันการเงินนั้นๆ , อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร , การคำนวณข้างต้นเป็นการคำนวณโดยประมาณเพื่อให้เห็นภาพรวมเท่านั้น รายละเอียดการกู้โปรดสอบถาม ผู้ให้กู้หรือสถาบันการเงินนั้นๆ
จำนวนเงินกู้ ยอดเงินที่กู้จริง กรณีมีเงินดาวน์ ให้หักเงินดาวน์ออกก่อน
ชำระต่อเดือน
ความสามารถผ่อนชำระต่อเดือน ซึ่งจะสัมพันธ์โดยตรงกับจำนวนงวดและเงินต้น เช่น ต้นเยอะ ผ่อนชำระยอดสูง จำนวนงวดก็จะลดลง
จำนวนเดือน/งวด
จำนวนงวดที่ชำระ จำนวนเดือนที่คำนวณ ซึ่งจะสัมพันธ์โดยตรงกับยอดชำระต่อเดือนและเงินต้น เช่น ต้นเยอะ จำนวนงวดน้อย ยอดที่ชำระต่อเดือนก็จะสูง
อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยต่อปี มี 2 แบบให้เลือกคือ
อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate)
อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบางประเภทที่ผู้กู้จ่ายให้แก่สถาบันการเงินในอัตราคงที่ไม่ขึ้นหรือลง ตามต้นทุนของสถาบันการเงิน โดยในสัญญาเงินกู้จะต้องระบุว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญาเงินกู้ เช่น สินเชื่อเพื่อการศึกษา กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี เป็นเวลา 4 ปี , สินเชื่อรถยนต์ กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 5 เป็นเวลา 5 ปี เป็นต้น
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate)
อัตราดอกเบี้ยที่กำหนด ณ ปัจจุบัน ตามประกาศของสถาบันการเงิน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้ตามสถานการณ์ตลาดเงินหรือ
ต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงิน ส่วนจะปรับขึ้นหรือลงเมื่อใดนั้นไม่สามารถบอกได้บางปีอาจมี การปรับหลายครั้ง บางปีไม่มีการปรับเปลี่ยนเลยก็เป็นได้ ในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อเงินงวดที่ชำระในแต่ละเดือน โดยเฉพาะหาก อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นในภายหลัง เงินงวดที่ชำระรายเดือนเดิมอาจต้องมีการปรับสูงขึ้นได้
วิธีคำนวณดอกเบี้ย
วิธีคำนวณดอกเบี้ย มี 2 แบบให้เลือกคือ
1. เงินต้นคงที่ (Flat Interest Rate) – สินเชื่อรถยนต์, สินเชื่อรถมอเตอร์ไซด์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
เป็นการคิดดอกเบี้ยเงินต้นคงที่ โดยจะนำเงินต้น ณ วันที่กู้ มาคิดดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อโดยกระจายเป็นปี แล้วหารเป็นเดือน การคิดดอกเบี้ยแบบนี้ ส่วนมากนิยมใช้กันในสินเชื่อประเภท เช่าซื้อต่างๆ เช่น ซื้อรถยนต์, มอเตอร์ไซด์ หรือซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ , ฯลฯ ซึ่งผู้เช่า หรือผู้กู้จะต้องชำระเงินให้แก่ผู้ให้เช่าด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกงวด ตลอดระยะเวลา ที่เช่าซื้อ ซึ่งจะคำนวณดอกเบี้ยทั้งหมดที่ลูกค้าต้องชำระจากเงินต้นที่คงที่ตลอดอายุของสัญญาเช่าซื้อ
ตัวอย่าง เงินกู้ 100,000 บาทดอกเบี้ย 10% ระยะเวลา 2 ปี ดอกเบี้ย 20,000บาท (100,000 X 10% X 2 ปี) ค่างวดต่อเดือน เท่ากับ 5,000 บาท (ต้น 100,000+ดอกเบี้ย 20,000) / 24 เดือน(2 ปี)
เงินกู้/ยอดจัด/เงินต้น | 100,000 บาท |
ดอกเบี้ย/ปี | 10% |
ระยะเวลา | 2 ปี (24 เดือน/งวด) |
คิดเป็นดอกเบี้ย | 100,000 X 10% X 2 ปี |
20,000บาท | |
ค่างวดต่อเดือน | (ต้น + ดอกเบี้ย) / งวด |
(100,000+ 20,000) / 24 | |
5,000 บาท / เดือน |
2. แบบลดต้นลดดอก (Effective Interest Rate) – สินเชื่อบ้าน สินเชื่อคอนโด สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อการศึกษา เงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) เป็นการคิดดอกเบี้ย แบบลดต้นลดดอก กล่าวคือ ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดเงินต้นคงเหลือ จากงวดก่อน ส่วนมากใช้สำหรับการคำนวณดอกเบี้ย ของสินเชื่อเกือบทุกประเภท เช่น สินเชื่อที่กู้มาจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นต้น โดยคิดดอกเบี้ยจาก เงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด แม้ช่วงแรกจ่ายดอกเบี้ยสูง แต่เดือนต่อ ๆ มา ดอกเบี้ยจะลดลงตามเงินต้น ปรกติจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน
ตัวอย่างเช่น เงินกู้ 100,000 บาท ค่างวดอยู่ที่ 5,000 บาท/เดือน ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) 10% ตลอดสัญญา ((10/365 วัน) X เงินต้น 100,000) / 100 = 27.40 บาท ดอกเบี้ยวันนั้น ๆ รวมกับเงินต้น จะเป็นยอดเงินต้นวันถัดไป 100,027.40 และจะคำนวณอย่างนี้เรื่อยๆ ทุกวัน จนถึงกำหนดจ่ายค่างวดแต่ละงวด
เงินกู้/ยอดจัด/เงินต้น | 100,000 บาท |
ดอกเบี้ย/ปี | 10% (Fixed Rate) ตลอดสัญญา |
ดอกเบี้ย เดือนที่ 1 วันที่ 1 | ((ดอกเบี้ยต่อปี / จำนวนวันต่อปี ) X เงินต้น) / 100 ((10/365) X 100,000) / 100 27.40 บาท |
ดอกเบี้ย เดือนที่ 1 วันที่ 2 | ((ดอกเบี้ยต่อปี / จำนวนวันต่อปี ) X (เงินต้น + ดอกเบี้ยวันก่อนหน้า)) / 100 |
((10/365) X ( 100,000 + 27.40)) / 100
คำนวณอย่างนี้เรื่อยๆ ทุกวัน จนถึงกำหนดจ่ายค่างวดแต่ละงวด |
|
ดอกเบี้ย เดือนที่ 1 วันที่ 31 | 852.81 บาท |
วันที่ 31 ชำระค่างวด | 5,000 บาท |
คิดเป็นเงินต้น | 5,000 – 852.81 = 4,147.19 บาท |
เงินต้นคงเหลือ | 100,000 บาท – 4,147.19 บาท 95,852.91 บาท (เดือนที่ 1 วันที่ 31) |
ดอกเบี้ย เดือนที่ 2 วันที่ 1 | ((ดอกเบี้ยต่อปี / จำนวนวันต่อปี ) X เงินต้นคงเหลือ) / 100 ((10/365) X 95,852.91) / 100 26.26 บาท คำนวณอย่างนี้เรื่อยๆ ทุกวัน จนถึงกำหนดจ่ายค่างวดแต่ละงวด |
วันที่เริ่มต้นคิดดอกเบี้ย
วันที่เริ่มต้นคิดดอกเบี้ย หรือ วันที่กู้ วันตั้งต้นในการคำนวณดอกเบี้ย
ทั้งนี้ การที่จะคิดดอกเบี้ยโดยวิธีใดนั้น ผู้ให้กู้จะเป็นผู้กำหนด ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ, ข้อกำหนด และนโยบายในการคิดดอกเบี้ย ของสถาบันการเงินนั้นๆ